บทความที่14 แก่นมะขาม(โปร่งฟ้าซ้อน ปัดตลอด ตายพราย ฟ้าผ่า และตกน้ำมัน) ของหายาก
การบูชาและปฏิบัติ กับแก่นมะขาม(โปร่งฟ้าซ้อน ปัดตลอด ตายพราย ฟ้าผ่า และตกน้ำมัน)
แก่นมะขามปกติมีเทพารักษ์คุ้มครองมีตบะ เดชะ ที่แกร่งกล้ามาก ปกติไม่ได้ต้องการการเสกหรืออะไรมากนัก แค่พกติดตัวหรือ ตั้งไว้ในที่ ที่ต้องการ และบูชาก็พอ แต่ก็มีบางคณาจารย์ ท่านแนะว่า ควรขึ้นขันสักการะ โดยหา ขัน พานหรือจาน ใส่ดอกไม้สามสี ธูปเทียน แล้วอาราธนา ว่า
พุทธัง อาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง
กะระมะธะ กุรุมุธุ กิริมิธิ เกเรเมเธ
อิทธิฤทธิ อิทธิฤทธิ อิทธิฤทธิ
นะมะพะธะ
นะโมพุทธายะ
มะอะอุ
พุทธะสังมิ
นะชาลีติ
มหาลาภัง
ปิยังมะมะ
ที่สำคัญ ควรสัมผัส ขัดถูบ่อยๆ พลังจากแก่นไม้ จะมีอานุภาพมาก ทำให้คลาดแคล้ว คงกระพัน กันภัยกันผี สิ่งที่มองไม่เห็น และที่สำคัญ ทำให้ ค้าขายเงินทองไหลมาเทมา สัตว์และแมลงร้ายก็ กลัวแก่นมะขาม
สรรพคุณทางยา หากถูกแมลงกัดต่อย ฝนแก่นมะขามกับน้ำมะนาว ทา จะหาย
แก่นมะขาม(ทั้งโปร่งฟ้าซ้อน ปัดตลอด ตายพราย ฟ้าผ่า และตกน้ำมัน) หาเนื้อแก่นยากมากๆ ทั้งรอยไหม้ รอยแตก เหลือเนื้อๆน้อยมากครับ… ไม้มะขามต้องอายุมากๆเป็นร้อยๆปีถึงจะมีแก่นเป็นชิ้นเป็นอัน และเป็นร้อยต้น จะมัสักต้นที่มีแก่น แล้วหลายร้อยต้นถึงจะมีแก่นโปร่งฟ้า แล้วยากมากที่จะบังเอิญฟ้าผ่า หรือตายพราย และที่ยากสุด คือเกิดแก่นโปร่งฟ้าซ้อนทะลุตั้งแต่โคนยันข้างบน ท่านทั้งหลายที่ได้ครอบครองแก่นนี้ นอกจากต้นนี้แล้ว ในชีวิตนี้ ก็ ยากที่จะหาได้อีก เพราะผมเองอายุจะหกสิบก็เกิดมาเพิ่งเคยเจอต้นนี้ต้นเดียว
บ้านว่านไทย สืบทอดวิชาว่านมาแต่โบราณ ยึดมั่นในสรรพคุณของว่านเป็นหลัก เพราะได้ตระหนักว่าว่านนั้นสุดยอดแห่งของอาถรรพ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ค่อยได้สนใจสิ่งอื่นๆมากนัก จนปี 2558 ได้มีการจัดงานไหว้ครูครั้งใหญ่ที่วัดพรหมรังสี ด้านการไหว้ครูเป็นไปอย่างราบรื่น แต่มีบางสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือเรื่องของคุณไสย์ ที่มาวนเวียนในพิธี (ซึ่งขณะนั้นต้องบอกว่าผมเองเป็นคนไม่เชื่อเรื่องนี้ หรือเชื่อก็ ไม่คิดว่าจะมีคนทำได้แล้ว) ทำให้ท่านเจ้าอาวาสท่านคงเห็นสิ่งนี้ อยู่ดีๆ ก็ เอาประคำเดินมาสวมให้ผมในพิธี แล้วพูดว่าเอาไว้ป้องกันตัว ณ เวลานั้น ผมรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาทันที ผมถามท่านว่า ทำจากอะไร ท่านบอกแก่นมะขาม นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ประจักษ์แก่อานุภาพของแก่นมะขาม
ต่อมาจึงได้ ศึกษาเพิ่มเติมจึงยิ่งศรัทธา และได้มาทราบว่า แก่นมะขามนั้นหายาก และยิ่งยากขึ้นไป หากเป็น แก่นมะขามที่ได้จากต้นตายพราย และมีรูกลวงข้างใน ที่เรียกว่าโปร่งฟ้า ยิ่งไปกว่านั้น คือต้น ที่ โดนฟ้าผ่าอีกด้วย ผมจึงพับโครงการเก็บ เพราะไม่รู้จะไปหาที่ไหน อีกอย่างเราก็ มีว่านอยู่แล้วจึงไม่ได้ต้องการอะไรอีก แต่ เมื่อปี 62 จับพลัดจับผลู คนที่หาไม้ยาฝน ไปเจอ ต้นมะขามที่ตายพราย ดันโดนฟ้าผ่าหล่นลงมาท่อนหนึ่ง ก็มาเล่าให้ผมฟัง ผมรีบบอกให้ตัดมาให้ด่วน เมื่อเขาตัดมา และแซะให้เหลือแต่แก่น เอามาส่งให้ผมที่ กทม จึงพบว่า แก่นนี้ไม่ใช่โปร่งฟ้าธรรมดา แต่ มันซ้อนเป็นหลอด ถอดออกจากกันได้ ผมก็เอามาตั้งไว้ที่ห้องพระ มีพิธีอะไรก็ เข้าไปด้วย แต่ไม่ได้สนใจเป็นพิเศษ จนวันหนึ่งขณะสวดมนต์เห็นอะไรเคลื่อนไหวที่ขอนไม้แก่นมะขาม ผมเห็นน้ำมันข้นๆคล้ายเหล็กไหล ไหลออกมาจากขอนนั้นบริเวณตาไม้ ก็ รู้สึกแปลกใจ และอยากรู้แต่ไม่รู้จะถามใคร เวลาก็ ผ่านไปหลายเดือน มีนายตำรวจท่านหนึ่งมาขอแบ่ง ก็แบ่งกันไปท่อนสองท่อนแล้ว มาขอแบ่งอีก ผมก็ไม่มีจะแบ่งแล้วจึงเอาท่อนที่เก็บไว้นั้น ให้ท่านเอาไปให้ช่างหนึ่งที่อยุธยาช่วยตัด และแบ่งให้ช่างหนึ่งส่วนหนึ่ง ณ ที่นั่น ช่างและนายตำรวจ และคนที่ไปด้วย ล้วนแต่เห็นการตกน้ำมันของแก่นไม้มะขามนี้อีกครั้ง โดยที่ผมยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังทั้งนั้น วันที่นายตำรวจท่านนั้นนำมาส่งคืนส่วนของผม ท่านบอกว่า แรงมาก จับไข้เลย ….เรื่องปลีกย่อยยังมีให้เล่าไม่จบเพราะมีหลายเรื่อง แต่ประเด็นที่อยากพูดก็คือ แก่นมะขามนั้น ไม่ได้ดีแค่เรื่องความเชื่อ แต่ในความจริง เป็นยาถอนพิษ ตะขาบ แมงป่องด้วย และหากพกแก่นมะขามติดตัว ก็มันจะไม่โดน สัตว์พิษพวกนี้กัด จึงชวนคิดไปเองว่า ที่ให้ห้อยไว้ที่เอวซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางลำตัว ก็ คงให้กลิ่นอายของแก่นมะขาม ไปทั้วร่างกายกระมัง ท่านผู้อ่านไม่รู้ว่าคิดอย่างผมหรือเปล่า และเมื่อโดนสัตว์พิษเหล่านี้กัด ก็ ฝนกับมะนาวทาได้เลย พอเขียนถึงตรงนี้ ทำให้นึกถึงละครผีๆที่มีปีศาจตะขาบขึ้นมาเลย 5555 ไว้เจอกันบทความหน้าครับ
Leave a Reply